วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องราวจากเขาชนไก่

เมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมาผมได้ไปฝึกภาคสนามที่เขาชนไก่มาฮะ


ถือว่ามันเป็นการเดินทางอันยาวนานมากๆ


เพราะว่าการเดินทางจากเชียงใหม่ไปกาญ.มันต้องนั่งรถไฟไป!


นั่งนานมากนานจนก้นชาเลย


จริงนะครับไม่ได้โม้


พอไปถึงนั่งประมาณ 6โมงเช้า ครูฝึกก็มาพาขึ้นรถสีส้มไป


นั่งรถอีกนานเลย(ประมาณ3ชั่วโมงกว่า)


ภาคกลางนี่ร้อนจริงๆ ร้อนเว้ย!


พอไปถึง ทำพิธัเปิดท่ามกลางบรรยากาศที่ดี(?) สาย(ที่ชวนเป็น)ลมและแสงแดด(ที่แผดเผา)


เหอๆๆร้อนจริงวุ้ย


จากนั้นเค้าก็ให้กินข้าว แล้วก็พาไปโดหอ ว้าว!ชวนข้าวทะลักออกปากจริงๆ


แต่ก็สนุกดี เค้าให้ไต่เชือกข้ามน้ำอีกอัน เสร็จก็มืดพอดี


กินข้าว อาบน้ำ(ได้ด้วยล่ะ)


วันต่อมาเค้าพาไปยิงปืนฉับพลัน รู้จักไหม


ก็ยิงยังไงก็ได้ให้ท่าสวยและโค ต ร เร็ว ไม่ต้องเล็ง



เหอๆๆผลก็ไม่โดนซักนัด



แล้วก็ไปเรียนการวิทยุ+ลาดตระเวน



ตอนบ่ายให้ไปโรยตัวกับไต่หน้าผาจำลอง(เลือกทำ)



แต่ผมไม่ได้ทำหรอก เวลาไม่พอ คนมันเยอะมากต้องเวียนฐานกันทำ



ฐานที่ไปเวียนก็มีลาดตระเวนกับโจมตีแบบโฉบฉวย(ไม่ใช่ฉาบฉวยนะฮะ)



หมวดผมโดนสาธิตตลอด (แหงเด่ะหมวด 1 นี่หว่า)



พอเริ่มมืดไปเรียนวิชาดูดาวก่อนเดินลาดตระเวนกลางคืนรอบเขาชนไก่




ไกลโคตรๆๆๆๆ ได้ไปไหว้ศาลเจ้าปู่เขาชนไก่ด้วยนะ



ครูเค้าเล่าให้ฟังว่าเจ้าปู่น่ะก็คือ ขุนแผนนั่นแหละ



เคยมาตีไก่บนเขานี่ เลยเรียกเขาชนไก่ ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน



แต่น่าจะจริงนะ พอเดิเสร็จอาบน้ำนอนโลด เมื่อยขา!



พออีกวันเค้าให้ไปเรียนพยาบาลทั้งวันเลย



ให้ขึ้นไปซุ่มโจมตีบนเขาล้วจำลองสถานะการณ์บาดเจ็บด้วยนะ



แต่กองร้อยผม ไม่ได้ทำ อิอิ เวลาไม่พออีกแล้ว เหอๆๆ



จากนั้นเป็นการออกกำลังกายยามเย็นโดยการเดินขึ้นเขาชนไก่



ระยะทางนิดเดียว 2km กว่าๆ แต่ว่ามันชันมากกกกกกกก




ความชันยังไงก็ > 30 องศาน่ะ ยกขาแทบไม่ขึ้น แต่ขึ้นไปถึงแล้วหายเลย





วิวมันสวยมาก ได้ไหว้พระ+ถ่ายรูปกับผู้พันด้วย




วันต่อมาก็ทำการลากขาไปรบพิเศษครับ




วันนี้เข้าป่าทั้งวันให้ทำข้าวเย็นกินเอง มีของสดให้(ที่ดูยังไงก็ต้องทำต้มยำแหงๆ)



หมูผมหุงข้าวสวยมาก เพราะผมหุง 555+



แต่กินไม่ทัน(อีกแล้ว)เพราะดังไฟติดช้า



ตอนกลางวันเค้าให้ไปซุ่มโจมตี ซุ่มอยู่นานมากกก




จนเพื่อนผมมันหลับไป ขนาดแดดเปรี้ยงเลยนะ




วันนี้หนักที่เดินไกลกะเพื่อนผมมันไม่สบาย สงสารมัน



มันไม่ยอมพักด้วยนะ พอดีเป็นพวกหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่ยอมให้ใครว่ามันสำออย



เหอๆๆพอถึงที่เท่านั้นแหละหมดแรงเลย



วัยสุดท้ายปลูกฝังอุดมการณ์



และร้องคาราโอเกะ เหอๆๆไม่น่าเชื่อมีงี้ด้วยแฮะ



จากการไปฝึกคราวนี้สิ่งที่ผมได้เห็นคือ ครูฝึกผู้หญิง




น่ารักมากกก เหอๆๆ แต่ครูแกก็เข้มเหมือนกันนะ




ประสบการณืคราวนี้มีเยอะมากเลยล่ะ



เหลืออีกหนึ่งปีกับการก้าวสู่ "ว่าที่ร้อยตรี"



(ถึงเค้าจะมีสอบร้อยตำรวจหญิงจริงๆแล้วเราก็ไม่อยากสอบอยู่ดีง่า)



ขากลับจากเขาชนไก่นั่งรถไฟอีกแล้ว ไม่ได้หลับเลยอ่ะ



เพราะเพื่อนมีเมาแล้วมาขอซบไหล่ สองข้างเลยอ่ะ




ก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ(ความจริงต้องเรียกนั่งไม่ค่อยหลับมากกว่า)



กลับมาแล้วก็ถึงเวลาเดินสายตามทางเก่าต่อไป




สู้ๆโว้ย!จะสอบอีกแล้ว TT

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

อ่านแล้วรู้สึกยังไง?

เรื่องนี้ผมได้มาจากforward mailของผมฮะ ลองอ่านดูนะครับ




ปี 2553 จุดจบประเทศไทย ...... ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้ .....



ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับตลอดเวลา ..... ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกันสืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโคซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่าประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็นแต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง ! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศ




ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน ! ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาลในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกันและสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทางเป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากินคนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากินคนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้ เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่าเพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้า พันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้ วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว




ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้
ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้วเกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่ามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้ เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู ่ในมือของ Big C, Lotus,Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ... เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ... รัฐจะอยู่ได้ฤา ?




4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทยเนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทยการเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรง จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทยซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน
จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมาเนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้วเนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยากนั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่ เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?



ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้นไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศในการวิเคราะห์บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ ก่อนล่มจริง ... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ




ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทยแทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่าเราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไรเพราะเราไป คาร์ฟูเงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกันนิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดังผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้นเพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ
ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาทที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียวห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศคนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไรทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลงเลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนครั้ง ต่อปีน้อยสุด




ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับได้ผล.. ลูกเปลี่ยนวิธีกิน ... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้างผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย




ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ ) ให้ลูกฟังผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิมันเป็นวัสดุธรรมชาติย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือนขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ
เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปีผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว




ปล . ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน เพื่อที่ไทยเราจะได้อยู่รวมเป็นชาติไทยต่อไป*
เมื่อกี้ดูที่นี่ประเทศไทย เปิดเพลงชาติให้ฟัง ไม่เคยฟังแล้วรู้สึกว่าอยากร้องไห้ เท่าวันนี้เลย ฟังแล้วเห็นภาพที่คนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้




>>>>อยากจะขออีกอย่างหนึ่งคือรักชาติหน่อย ช่วยกันหน่อยครับ ซื้อสินค้าไทย เลิกได้แล้วกับการซื้อของ แบรนเนม มันจะทำให้ชาติล่มจม